-
มกราคม : แดงแก่ก่ำโกเมนเอก
โกเมน (garnet) เป็นหินของคนที่เกิดในเดือนมกราคม มีพลังด้านบวก เกี่ยวข้องกับความสุข มิตรภาพและความรัก เป็นอัญมณีที่นิยมมอบให้คนรักในโอกาสแต่งงานครบรอบ 2 ปี (the second anniversary) แม้ทั่วไปโกเมนสีแดงเข้มเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ทว่าอัญมณีกลุ่มนี้กลับพบว่ามีแทบทุกสีและยังไปทำเป็นเครื่องประดับได้ทุกชนิด จัดเป็นหินมีค่าที่มีความซับซ้อนมากชนิดหนึ่ง มีการใช้โกเมนเป็นเครื่องประดับอย่างน้อย 5,000 ปีมาแล้ว ในสุสานอียิปต์โบราณพบโกเมนรวมอยู่ในเครื่องประดับของผู้วายชนม์เสมอ นอกจากนี้ โกเมนยังเป็นหนึ่งในอัญมณีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิดหนึ่งในสมัยโรมัน ส่วนชื่อ garnet นั้น มาจากภาษาละตินว่า granatus ที่หมายถึง เมล็ดธัญพืช เชื่อกันว่าการสวมใส่โกเมนเป็นผลดีต่อหัวใจและการไหลเวียนโลหิต อาจเป็นเพราะสีแดงเข้มที่เหมือนกับเลือดก็เป็นได้ ขณะเดียวกันนักบวชในสมัยกลางก็นิยมใช้โกเมนเป็นสัญลักษณ์ของโลหิตพระเยซูคริสต์ และมักใช้คู่กับหินอาเมทิส (armethyst) ในการประดับตกแต่งวัตถุทางศาสนา ความสุกสว่างของโกเมนทำให้หลายคนเชื่อว่ามันเปล่งแสงออกมาได้เอง และสามารถถ่ายทอดพลังชีวิตให้กับผู้สวมใส่ได้ด้วย ดังนั้น โกเมนจึงเป็นอัญมณีพิทักษ์คุ้มครองที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นในสนามรบหรือการเดินทางไกล ราจิเอล (Ragiel) ผู้เขียนตำรา Book of Wings ในศตวรรษที่ 13 กล่าวว่า ถ้าสลักรูปสิงโตลงบนโกเมนจะมีพลัง “ปัดเป่าโรคร้ายของผู้สวมใส่ให้สิ้นไป ส่งเสริมให้ผู้นั้นมีเกียรติยศชื่อเสียงและช่วยป้องกันภยันตรายระหว่างเดินทาง” ข้อมูลทั่วไปของโกเมน จัดอยู่ในกลุ่มแร่ซิลิเกต มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายไปจนถึงขนาดใหญ่ประมาณ […]
-
กว่าจะเป็นซานต้า
หลายคนคงได้ยินมาบ้างว่าซานตาคลอส หรือ ซานต้าของเด็กๆ นั้น มีที่มาจากนักบุญนิโคลัสในศตวรรษที่ 4 แต่ใครรู้บ้างว่านักบวชระดับบิชอพท่านหนึ่งกลายเป็นชายร่างใหญ่ใจดีที่ปีนเข้าบ้านทางปล่องไฟพร้อมกับของขวัญที่เด็กๆ รอคอยได้อย่างไร บิชอพแห่งไมรา ตามตำนานว่านิโคลัสเกิดเมื่อปี 270 ในตระกูลชาวคริสต์ผู้มั่งคั่งในเมืองไมรา (Myra) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกีในปัจจุบัน ความเคร่งศาสนาของครอบครัวทำให้นิโคลัสออกบวช ใช้ชีวิตอยู่ในความศรัทธาและคำสอนของพระเป็นเจ้า จนก้าวหน้าได้เป็นบิชอพแห่งไมรา (Bishop of Myra) และเป็นหนึ่งในคณะนักบวชที่ลงนามในการสังคายนาแห่งนิเคอา หรือ หลักข้อเชื่อไนซีน (Nicene Creed หรือ Symbolum Nicaenum) ในการสังคายนาเมื่อปี 325 ซึ่งเป็นการประกาศศรัทธาและหลักข้อเชื่อที่ใช้กันมากที่สุดในพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นบรรทัดฐานความเชื่อในคริสต์ศาสนากระแสหลักของปัจจุบัน เขาถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 343 หลังการเสียชีวิตปรากฏว่ามีปาฏิหาริย์และเรื่องเล่าเกี่ยวกับเขาเกิดขึ้นมากมายจนเป็นที่มาของฉายา “นิโคลัสผู้สร้างปาฏิหาริย์” มีตำนานเรื่องหนึ่งเล่าว่านิโคลัสทราบข่าวว่ามีชายคนหนึ่งยากจนมาก ความยากจนบังคับให้ลูกสาวทั้ง 3 ของเขาต้องไปเป็นโสเภณี นิโคลัสใช้เวลา 3 วันแอบโยนถุงทองคำเข้าไปในหน้าต่างบ้านของชายคนนั้น ทองเหล่านั้นช่วยให้เด็กหญิงทั้ง 3 คนไม่ต้องไปขายตัว ตำนานอีกเรื่องหนึ่งกล่าวว่านิโคลัสกลายเป็นนักบุญผู้พิทักษ์ของผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนทำขนมปัง เจ้าสาว คนหาปลา คนปลูกดอกไม้ ผู้พิพากษา พ่อค้า […]
-
ทวิตตี้ : นกตัวแสบ
ทวิตตี้ไม่ได้เป็นนกขมิ้นเหลืองช่างเจรจาอย่างที่รู้จักกัน มันแสดงนิสัยดุร้ายแบบนกป่าออกมาบ่อยๆ โดยเฉพาะกับศัตรูตัวร้ายของเจ้าแมวซิลเวสเตอร์ ที่สำคัญมันเป็นนกตัวผู้!!!
-
เอาออกแค่ไหน : การขริบในยุคโบราณ
ชัยจักร ทวยุทธานนท์ : เรียบเรียง รูปแบบการขริบที่ชาวตะวันตกคุ้นเคยคือการนำหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออกไปทั้งหมดอย่างที่ปฏิบัติกันอยู่ในหมู่ศาสนิกของศาสนายูดาห์ การขริบหนังหุ้มอวัยวะเพศชายเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ ทำไปเพื่ออะไรและทำอะไรบ้าง ภายใต้ข้อกำหนดทางศาสนา การเปลี่ยนผ่านจากเด็กเป็นชายหนุ่ม การทดสอบความกล้า การขริบยังถูกใช้เพื่อ “ทำลายความเป็นชาย” ของเชลยศึกอีกด้วย มีสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับสาเหตุของการขริบหนังหุ้มอวัยวะเพศชาย (Circumcision) ในอดีต เดิมนักวิชาการตะวันตกยุคแรกๆ เห็นว่าต้นกำเนิดของการขริบเกิดขึ้นในอียิปต์โบราณ แต่ในปัจจุบันวงวิชาการมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่าการขริบมีขึ้นในตะวันตกและตะวันออกกลางโดยผู้คนทางตอนใต้ของภูมิภาคอาระเบียและบางส่วนของแอฟริกา นอกจากสาเหตุจากความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านจากเด็กเป็นชายหนุ่มแล้ว การขริบยังเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงโทษเชลยศึกด้วย เอกออกแค่ไหน การขริบหนังหุ้มอวัยวะเพศชายทำกันในหลายส่วนของทวีปแอฟริกา ภูมิภาคโอเชียเนีย กลุ่มคนที่นับศาสนายูดาห์และศาสนาอิสลาม รูปแบบการขริบที่ชาวตะวันตกคุ้นเคยคือการนำหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออกไปทั้งหมดอย่างที่ปฏิบัติกันอยู่ในหมู่ศาสนิกของศาสนายูดาห์ อย่างไรก็ตาม ในอียิปต์โบราณและกลุ่มวัฒนธรรมอื่นๆ ในแอฟริกา การขริบทำเพียงตัดเอาหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายบางส่วนออกไปเท่านั้น ขณะที่ผู้คนตามหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก จะตัดเส้นเอ็นเล็ก ๆ ที่ยึดระหว่างหัวของอวัยวะกับหนังหุ้มปลายอวัยวะหรือเส้นสองสลึง (frenum) ให้ขาด โดยไม่ทำอะไรกับหนังหุ้มอวัยวะเพศเลย ข้อความในคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคพันธสัญญาเดิม (the Old Testament) ซึ่งระบุว่า …คราวนั้น พระเยโฮวาห์ตรัสกับโยชูวาว่า “จงทำมีดด้วยหินคมและให้คนอิสราเอลเข้าสุหนัตเป็นครั้งที่สอง… (โยชูวา 5:2) ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเดิมชาวอิสราเอลที่กล่าวถึงในคัมภีร์ดังกล่าวคงได้รับการขริบตามแบบของชาวอียิปต์โบราณมาแล้ว และต้องรับการขริบ “ครั้งที่สอง” ตามอย่างชาวยูดาห์อีกครั้งซึ่งการขริบแบบนี้เป็นการนำหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออกทั้งหมด นั่นเอง ทำไมต้องขริบ ชาวอิสราเอลโบราณถือว่าการขริบเป็นพิธีที่พระเจ้าทรงกำหนดให้อับราฮัมและเชื้อสายของท่านกระทำเพื่อที่จะเข้าส่วนในพันธสัญญาที่พระเจ้าพระเยโฮวาห์ทรงมีต่ออับราฮัมและเชื้อสายของท่าน […]
-
ความลับของโถคาโนปิก
ส่วนหัวใจ ชาวอียิปต์โบราณไม่นำออกจากศพ เพราะเชื่อว่าหัวใจคือต้นตอของความคิด ในกระบวนการทำมัมมี อวัยวะภายในที่ถูกนำออกจากศพจะบรรจุไว้ในโถคาโนปิก (Canonic jars) ใช้เพื่อเก็บรักษาสำหรับมัมมีได้ใช้ในโลกหลังความตาย โถคาโนปิกส่วนใหญ่มักทำด้วยหินปูนหรือเครื่องปั้นดินเผา แต่ก็มีที่ทำจากไม้หรือหินชนิดอื่นด้วย มีหลักฐานว่าชาวอียิปต์ใช้โถคาโนปิกมาตั้งแต่ราชอาณาจักรเก่า (Old Kingdom) กระทั่งในยุคหลังหรือสมัยราชวงศ์โทเลมี (Ptolemaic Period) ปรากฏว่าอวัยวะภายในถูกห่ออย่างง่ายๆ แล้ววางไว้ข้างๆ ศพแทน โถแต่ละใบใช้เก็บรักษาอวัยวะเฉพาะอย่าง ในยุคแรกโถไม่มีการสลักข้อความเป็นพิเศษ ขณะที่ฝาโถก็เป็นแบบเรียบๆ กระทั่งสมัยราชอาณาจักรกลาง (Middle Kingdom) ปรากฏการสลักข้อความขณะที่ฝาโถทำเป็นรูปศีรษะมนุษย์ (เชื่อว่าคือใบหน้าของผู้ตาย นั่นเอง) บางทีก็ทำเป็นรูปศีรษะเทพอนูบิส (Anubis) ทั้งนี้ ในสมัยราชวงศ์ที่ 19 (1292-1189 ก่อน ค.ศ.) มีการทำฝาโถเป็นรูปโอรส 4 องค์ของเทพฮอรัส (Horus) เพื่อให้คุ้มครองอวัยวะที่บรรจุไว้ภายใน ได้แก่ ศีรษะลิงบาบูน คือ เทพฮาปิ (Hapi) หมายถึง ทิศเหนือ ใช้บรรจุปอด และมีเทพีเนพทิส (Nephthys) คุ้มครอง ศีรษะหมาใน คือ เทพดวามูเทฟ […]
-
เทียนกับวันฮาโลวีน
เทียนในโคมฟักทองช่วยขับไล่วิญญาณร้ายได้ แม้จะมีกำเนิดในสังคมตะวันตก แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทศกาลนี้กลายเป็นสิ่งสากลไปแล้ว ภาพที่เราเห็นชินตาคือฟักทองสีส้มลูกใหญ่ที่แกะสลักเป็นหน้าตาเหมือนปีศาจมีเทียนจุดไว้ข้างใน เทียนวันฮาโลวีนหรือ Halloween candle มีความหมายอย่างไร pastory.co รวบรวมความเชื่อเรื่องนี้ฝากกันครับ เชื่อกันว่าเทียนในฟักทองหรือ jack-o-lantern ช่วยขับไล่วิญญาณร้ายและภูติผีต่างๆ ได้ ถ้าบังเอิญเทียนนั้นดับ จะเพราะอะไรก็ตาม เชื่อว่าผีทั้งหลายจะมาหลอกหลอน ควรใช้เทียนเล่มใหม่ในวันฮาโลวีน ไม่นำเทียนเก่าของปีที่แล้วมาจุดอีก เทียนฮาโลวีนควรจุดแค่ในช่วงเทศกาล ไม่ใช่อยากจุดตอนไหนก็ได้ เพราะจะทำให้พบแต่โชคร้าย หากจ้องเปลวเทียนในคืนวันฮาโลวีนจะมองเห็นอนาคตได้ ถ้าเด็กหญิงถือโคมฟักทองไปยังบ่อน้ำในเวลากลางคืน จะเห็นเงาสะท้อนในน้ำเป็นหน้าตาของสามีในอนาคต ถ้าจุดเทียนสีส้มเล่มใหม่ในเวลาเที่ยงคืนของวันฮาโลวีนและรักษาไว้ไม่ให้ดับจนกระทั่งเช้า คนคนนั้นจะพบโชคดี คนอังกฤษสมัยก่อนมีวิธีแก้เคล็ดถ้าเทียนฮาโลวีนดับด้วยการจุดไฟขึ้นใหม่ด้วยกระจุกหญ้าจากบ้านนักบวชเป็นเชื้อไฟ แถมให้อีกนิดครับ เชื่อกันว่าคนที่เกิดในวันฮาโลวีน หรือ 31 ตุลาคม มีพลังมองเห็นและพูดคุยกับวิญญาณได้ ถ้าค้างคาวบินรอบบ้าน 3 รอบ นั่นเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีคนในบ้านตาย ถ้าเห็นแมงมุมในวันฮาโลวีน นั่นอาจเป็นวิญญาณของคนรักที่ตายไปและเฝ้ามองคุณอยู่ ฟังดูก็ออกจะหลอนๆ หน่อย เอาเป็นว่าฮาโลวีนนี้ ถ้าจะไปฉลองที่ไหนก็ดูแลตัวเองและเพื่อนๆ ด้วยนะครับ Have a great Halloween. Stay safe. ครับ
-
5 สูตรแก้แฮงก์จากอดีต
คำเตือน การดื่มสุราเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ พิการและเสียชีวิต ดอกยี่โถ ปอดหมู จะงอยปากนก เกลือ น้ำส้มสายชู น้ำหอยกาบ…สารพัดตัวยาที่มนุษย์สรรหามาเพื่อใช้แก้อาการเมาค้างหรือแฮงก์โอเวอร์ที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าสูตรไหนจะใช้การได้ หรือไม่ แต่นี่คือความพยายามไม่รู้จบของมนุษย์ที่จะแก้ปัญหาจากสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นเองตั้งแต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน